“รวมไทยสร้างชาติ” ชักธงรบ!! เปิด 3 แคนดิเดตนายกฯ “พีระพันธุ์-อรรถวิชช์-นราพัฒน์” ประกาศนโยบายยาแรง - Big Issue Today

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Monday, December 22, 2025

“รวมไทยสร้างชาติ” ชักธงรบ!! เปิด 3 แคนดิเดตนายกฯ “พีระพันธุ์-อรรถวิชช์-นราพัฒน์” ประกาศนโยบายยาแรง


            ****“รวมไทยสร้างชาติ” ชักธงรบ!! เปิด 3 แคนดิเดตนายกฯ “พีระพันธุ์-อรรถวิชช์-นราพัฒน์” ประกาศนโยบายยาแรง “เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ” ยกเลิก MOU 43 – MOU 44, ออกรบรับทันที 2 แสน, เกณฑ์ทหารสมัครใจรับ 3 หมื่น, ขยับรายได้ทหารเกณฑ์ขั้นต่ำ 1.5 หมื่น, ทุบราคาน้ำมันต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร, ค่าไฟเหลือ 3.3 บาท/หน่วย, ลบประวัติเครดิตบูโร, อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน-ใช้หนี้ด้วยงาน ย้ำส่งผู้สมัคร สส.กทม. ครบทุกเขต****


22 ธันวาคม 2568 (กรุงเทพฯ) – พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ประกาศความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งปี 2569 อย่างเป็นทางการ ภายใต้สโลแกน “เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ” โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคฯ และ นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคฯ ได้ร่วมแถลงนโยบายหลักของพรรคซึ่งมุ่งเน้นการแก้ปัญหารากฐานของประเทศที่ถูกหมักหมมมานาน ดังนี้


   - “ยกเลิก MOU 43 – MOU 44” : เพราะเป็น MOU ที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง มีแต่ไทยที่ยึดถือกติกานี้ แต่กัมพูชาละเมิดกว่า 600 ครั้ง ในที่สุดเกิดการปะทะที่ยืดเยื้อแบบทุกวันนี้ ต้องยกเลิก ล้างไพ่ ค่อยเจรจาใหม่หลังการปะทะยุติ ยึดหลักสากลคือการใช้ระบบ "สันปันน้ำ" แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ที่ทั่วโลกใช้กัน จุดยืนต้องชัดเจน เอาแผ่นดินกลับมาให้ได้
   - “สร้างรั้วไทย - กัมพูชา” : ขีดเส้นแบ่งเขตแดนให้ชัดเจน ยึดคืนทั้งดินแดนทางบกและทะเลอย่างเด็ดขาด รวมถึงแหล่งพลังงานในทะเล พร้อมเสริมกำลังและอาวุธให้เพียงพอ เพื่อปกป้องการรุกล้ำ ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ
   - "ออกรบ 200,000 บาท" : จ่ายทันทีต่อรอบภารกิจสำหรับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่สู้รบจริง โดยจะจ่ายให้กลุ่มที่ 1 (ย้อนหลัง) สำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการรบชายแดนไทยกัมพูชาระหว่างวันที่ 24 – 29 กรกฎาคม 2568 กลุ่มที่ 2 : สำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการรบปะทะชายแดนไทยกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการประกาศยุติสถานการณ์ รวมถึงดูแลลูกเมียทหารผู้สูญเสีย ให้รับราชการในกองทัพต่อได้
   - "เกณฑ์ทหารสมัครใจรับ 30,000 บาท" : สำหรับผู้สมัครใจเป็นทหาร ไม่รวมกับเงินเดือนและสวัสดิการอื่น ๆ มั่นใจว่ายอดผู้สมัครใจจะพุ่งสูงขึ้นจนเต็มอัตราความต้องการของกองทัพ โดยสามารถจ่ายได้ทันที ในการเกณฑ์ทหารเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ หากพรรคได้รับโอกาสเข้าบริหารประเทศ
   - “ทหารเกณฑ์รับเงินเดือน + เงินเพิ่มช่วยค่าครองชีพรวม 15,000 บาท”: ปรับรายได้ทหารเกณฑ์ให้เหมาะสมกับค่าครองชีพในปัจจุบัน
   - “ประหารชีวิตคนโกงเงินแผ่นดิน – สแกมเมอร์” : ออกกฎหมายเพิ่มโทษสูงสุดถึง “ประหารชีวิต” ฟ้องและตัดสินไม่เกิน 2 ปี คดีค้ายาเสพติด ยุติการจับแล้วปล่อย นำไป “ขังคุกกลางทะเล” ที่ปรับปรุงจากแทนขุดเจาะร้างในอ่าวไทย


   - "เบนซิน-ดีเซล ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร" : ด้วยการ "ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน" เพื่อลดราคาหน้าปั๊มทันที เปลี่ยนมาใช้ระบบ "คลังน้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์" ที่บริหารจัดการสต็อกน้ำมันแทนการใช้เงินอุดหนุน ทำงานเหมือนเขื่อนกักเก็บน้ำ ซื้อกักตุนตอนราคาถูก และปล่อยออกสู่ตลาดตอนราคาแพงเพื่อดึงราคาลง วิธีนี้จะตรึงราคาน้ำมันไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องกู้เงินมาโปะกองทุนให้เป็นหนี้แสนล้าน


   - "ค่าไฟเหลือ 3.3 บาท/หน่วย" : การผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ลดลงมาเรื่อยๆ ปัจจุบันอยู่ในสัดส่วนไม่เกิน 30% เท่านั้น ที่เหลือเอกชนผลิต เรื่องนี้จำเป็นต้องสู้กับการผูกขาดของกลุ่มทุนด้านพลังงานอย่างมาก ตลอดเวลา 2 ปีที่นายพีระพันธุ์อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มีการปรับโครงสร้างราคาค่าไฟลงมาแล้ว จากเดิมหน่วยละ 4.70 บาท ลดลงเหลือ 3.94 ถูกลง 76 สตางค์ เราทำได้แล้วโดยไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินเลย และมั่นใจว่าเป้าหมายที่ 3.3 บาท สามารถทำได้จริง


   - "เสรีโซลาร์ ประชาชนผลิตไฟใช้เอง ไม่ต้องขอใบอนุญาต" : ห้ามรัฐยืนบังแดดประชาชน ช่วยประชาชนได้ไฟถูก และเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve อาทิ คลาวด์ - คลังข้อมูล (Data Center) การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ชิบขนาดเล็ก ธุรกิจใหม่เหล่านี้โดนบังคับให้ต้องใช้พลังงานสะอาด 100% ก็จะไม่ต้องมารอขออนุญาตอีก ง่ายต่อการเข้ามาลงทุนใหม่ ไม่ใช่ย่ำอยู่กับธุรกิจเดิมเท่านั้น นโยบายนี้จะทำให้ GDP พุ่งอย่างก้าวกระโดด ต้องใช้ความเด็ดขาด "ทลายการผูกขาด" เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนและอุตสาหกรรมใหม่ ไม่ใช้เอื้อกลุ่มทุนพลังงานอย่างเดียว
   - "ลบประวัติเครดิตบูโร จ่ายจบ กู้ใหม่ได้ทันที" : เมื่อชำระหนี้ที่ธนาคารเสร็จ ประวัติเสียในเครดิตบูโรต้องถูกลบ สถานะทางการเงินของท่านกลับมาขาวสะอาด พร้อมเดินหน้าต่อได้ทันที ยกเลิกกติกาเดิมที่แช่แข็งประวัติเสียนานถึง 3 ปี เปลี่ยนใช้ระบบให้คะแนนแบบสากล 'คะแนนสูง ดอกเบี้ยต่ำ คะแนนต่ำ ดอกเบี้ยสูง' เพื่อกระตุ้นให้ธนาคารเกิดการแข่งขัน พร้อมงดค่าธรรมเนียมจำนอง เปิดโอกาสให้รีไฟแนนซ์บ้านได้ง่ายขึ้น ผ่อนบ้านถูกลง ลดภาระประชาชน
   - “อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน” : การศึกษาที่เลือกเองได้ เปลี่ยน “สอบเข้า” เป็น “สอบจบ” อยากเรียนอะไรได้เรียนทุกคน และสามารถใช้หนี้ กยศ. ด้วยงานราชการ
   - "ระบบราชการงานไว จบที่ "1 คำขอ" (One Request)" : ใช้แอปพลิเคชันเดียว ไม่ต้องวิ่งรอกยื่นเอกสารหลายหน่วยงาน ตัดวงจรสินบนเงินใต้โต๊ะ เช่น เปิดร้านอาหารต้องยื่นหลายใบอนุญาต แต่ถ้าใช้ระบบนี้ ยื่นคำขอครั้งเดียว ได้ทุกใบอนุญาตสำหรับทำร้านอาหาร สะดวก โปร่งใส


   - "ข้าว 15,000 บาท/ตัน ปาล์ม 6 บาท/กก." : ด้วยระบบแบ่งปันผลกำไร (70:30) โดยใช้โมเดลความสำเร็จจากธุรกิจอ้อยและน้ำตาลทราย เกษตรกรขายข้าวเปลือกหรือผลปาล์มแล้ว ยังได้กำไรจากสินค้าที่แปรรูปเป็นข้าวสารและน้ำมันปาล์มด้วย ด้วยนโยบายนี้จะทำให้ราคาข้าวสูงถึง 15,000 บาท/ตัน และปาล์ม 6 บาท/กก.
 

   - "ปุ๋ยรัฐ 500 บาท/กระสอบ" : ไทยเป็นประเทศเกษตรกรแต่ยังต้องนำเข้าปุ๋ย กรมทรัพยากรธรณีพบแร่โพแทชในประเทศสูงถึง 10,000 ล้านตัน เราต้องเร่งขุดขึ้นมาแปรรูป ผลิตเป็นปุ๋ยขายให้เกษตรกรในราคาถูกกว่าท้องตลาดครึ่งนึง และยังช่วยชี้นำราคาปุ๋ยในตลาดให้ถูกลงได้ด้วย ลดต้นทุนให้เกษตรกร


นอกจากนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติยังได้เปิดตัวผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจำนวน 3 คน ได้แก่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคฯ และ นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคฯ


นายพีระพันธุ์ในฐานะแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 กล่าวย้ำว่า
"รวมไทยสร้างชาติไม่ได้มาแค่ทำงาน จากนี้ไปเราจะเข้ามาล้างบางความเสียหาย ความชั่ว ความไม่เอาจริงเอาจัง ที่ทำให้ประเทศไทยเกิดวิกฤต เราจะล้างบางความชั่วเหล่านี้ให้หมดไป”

"ผมเป็นรัฐมนตรีพลังงานคนแรกที่แก้ไขปัญหาเรื่องค่าไฟฟ้าค่าน้ำมันให้กับประชาชน เป็นคนแรกที่ทำให้ผู้ค้าน้ำมันต้องประกาศต้นทุนให้ประชาชนและกระทรวงพลังงานรับทราบ นี่คือตัวอย่างของความเด็ดขาดและเอาจริงในการแก้ไขปัญหา" นายพีระพันธุ์ กล่าว


ด้านนายอรรถวิชช์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีอันดับ 2 ผู้รับผิดชอบนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติระบุว่า “เกือบ 20 ปีที่เศรษฐกิจไทยย่ำอยู่กับที่ เราขยับไปไหนไม่ได้ เพราะไม่มีใครกล้าตัดสินใจทำอะไรที่ 'เด็ดขาด' กับ 2 กลุ่มธุรกิจ นั่นคือ 'ธุรกิจพลังงาน' และ 'ธุรกิจการเงินการธนาคาร' ที่ผูกขาดความมั่งคั่งไว้ในมือคนเพียงไม่กี่กลุ่ม พรรครวมไทยสร้างชาติเราจะทลายกำแพงการผูกขาดที่ทำให้ค่าไฟกับน้ำมันแพง และรื้อระบบการเงินการธนาคารที่ปิดกั้นโอกาสคนตัวเล็ก ถ้าเราไม่กล้าชนกับ 2 ธุรกิจนี้ ประเทศไทยก็ไม่มีวันพลิกโฉมได้”


ขณะที่ นายนราพัฒน์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีอันดับ 3 ได้ให้คำมั่นว่า "สิ่งที่พวกเรารวมไทยสร้างชาติทำ คือการลดต้นทุน ทั้งทุนชีวิต ทุนอาชีพ และทุนทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยก็จะเห็นทางออก ถ้าเรามีผู้นำที่เด็ดขาดหมายความว่าปัญหาทุกปัญหาจะได้รับการแก้ไข ก่อนที่จะไปสู่วิกฤต"

ในช่วงท้าย นายพีระพันธุ์ ได้ยืนยันถึงความพร้อมสำหรับสนามเลือกตั้งปี 69 นี้ว่า พรรคมีผู้สมัครในกรุงเทพมหานครครบทั้ง 33 เขต และพร้อมส่งผู้สมัครทุกจังหวัด

"ขอให้มั่นใจ รวมไทยสร้างชาติยืนหยัดเพื่อประชาชน เราจะเข้ามาสู่สนามเลือกตั้งเพื่อกลับมาล้างบางความชั่ว แก้ไขทุกอย่างด้วยความเด็ดขาดเพื่อพลิกโฉมประเทศ" นายพีระพันธุ์ กล่าว

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad

Pages